สารจากประธานกรรมการ
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีความผันผวนจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงในช่วงหลังของปี 2565 สาเหตุจากธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจหลักดําเนินนโยบายการเงินตึงตัวด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าวได้กดดันการส่งออกและการลงทุนของไทย ขณะที่กําลังซื้อผู้บริโภคและเศรษฐกิจไทยถูกกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นตั้งแต่ต้นปีและยังอยู่ในระดับสูง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ พลังงาน อาหาร และการขึ้นราคาสินค้าของผู้ผลิตเพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ทำให้รายได้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจขยายตัวต่ำกว่าค่าใช้จ่าย อีกทั้งต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้มสูงขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย จากสถานกาณ์ดังกล่าวส่งผลต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 3.2 และอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 6.3 โดยคาดการณ์ว่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2566
ทั้งนี้ แม้ผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 จะลดลง ภายหลังจากประเทศจีนและไทยผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่างๆ จึงเป็นเหตุให้บริษัทยังคงให้ความสำคัญต่อกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นและพร้อมปรับตัว (Resilience) ให้สอดคล้องตามสถานการณ์ในทุกด้านอย่างรวดเร็ว คณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารของบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ยังคงวางกลยุทธ์ทางธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจโลกในปีถัดไปซึ่งอาจมีการปรับตัวดีขึ้น อันจะทำให้สามารถรองรับสถานการณ์และความไม่แน่นอนต่างๆ และส่งผลให้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่องและยั่งยืนรวมทั้งรักษาสถานะทางการเงินที่มั่นคง นอกจากนี้บริษัทได้เล็งเห็นความสำคัญในการวางยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนองค์กร นับแต่ปี 2560 เป็นปีแห่งการเริ่มต้นในการวางแผนงานโดยได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อการบริหารความยั่งยืนองค์กรสอดคล้องกับหลัก CG Code ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมุ่งหวังให้บริษัทจดทะเบียนไทยได้เร่งพิจารณาการกำหนดยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนองค์กร
ในปี 2565 คณะกรรมการบริษัทเห็นชอบแผนงานด้านความยั่งยืนองค์กรปี 2565-2566 เพื่อให้สอดคล้องกับหลักปฏิบัติตาม CG Code และตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ในฐานะผู้นำ (governing body) ในการสร้างคุณค่าให้แก่กิจการอย่างยั่งยืนทั้ง 3 มิติ และจักได้ทบทวนการนำหลัก CG Code มาปรับใช้ตามระดับที่เหมาะสมกับธุรกิจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
สำหรับมิติความยั่งยืนด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีนั้น คณะกรรมการบริษัทให้ความสำคัญในการพัฒนาแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีมาโดยตลอด และเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งที่บริษัทได้รับการจัดอันดับอยู่ในกลุ่มบริษัท 5 ดาว หรือเทียบเท่ากับ “ดีเลิศ” จากการประเมินตามโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งประเมินโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) และรางวัลหุ้นยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 7 ปี ซ้อน รวมถึงได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลกิตติกรรมประกาศ จากสถาบันไทยพัฒน์ เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันอีกด้วย
แม้ว่าธุรกิจของบริษัทจะไม่ได้ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emissions) และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) โดยตรงก็ตาม อย่างไรก็ดี บริษัทตระหนักว่าความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมเป็นพันธกิจที่สำคัญ ดังนั้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่ทั่วโลกได้ร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก บริษัทเห็นว่าการลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าลงได้จะเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมผ่านการปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส การติดตั้ง Timer ควบคุมการเปิดปิดเครื่องปรับอากาศ การติดตั้ง Solar Cell บริเวณที่จอดรถพนักงาน การเปลี่ยนหลอดไฟของท่าเรือ A5 เป็น LED ทั้งหมด 100%
คณะกรรมการบริษัท เห็นว่าการนำกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนมาปรับใช้กับการดำเนินธุรกิจของบริษัทจะช่วยให้ธุรกิจสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาวได้อย่างแท้จริง เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนจากแสงอาทิตย์จากการติดตั้ง Solar roof ในการก่อสร้างอาคารคลังสินค้าและลานสินค้า รวมถึงยังแสวงหาพันธมิตรที่จะสามารถช่วยผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในต้นทุนที่ต่ำลงในอนาคต การพัฒนาระบบบัญชีและการเงินในการลดการใช้กระดาษเป็นระบบดิจิทัลทดแทน เช่น E-Invoice/Tax และ E-Receipt ตลอดจนศึกษาระบบ Virtual Machine Server ให้สามารถปฏิบัติงานบนระบบ Cloud Computing เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากอุปกรณ์ Server และจากระบบทำความเย็นที่ต้องหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ภายในห้อง Server โดยในปี 2565 ได้มีการทวนสอบก๊าซเรือนกระจกจากบริษัท อีซีอีอี จำกัด ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ปรากฏว่าบริษัทมีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 686 ตันคาร์บอนไดออกไซด์หรือเทียบเท่า
สำหรับมิติความยั่งยืนด้านสังคม เมื่อพิจารณาจากลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทพบว่าความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนมีความรุนแรงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับหมวดธุรกิจอื่น อีกทั้งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแรงงานข้ามชาติ โดยบริษัทจัดเตรียมช่องทางการแจ้งเบาะแสเพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถเข้าถึงระบบการแจ้งเบาะแสผู้ฝ่าฝืนนโยบายสิทธิมนุษยชนหรือรายงานการกระทำที่อาจละเมิดสิทธิมนุษยชนได้โดยสะดวก
นอกจากนี้บริษัทให้ความสำคัญพนักงานของบริษัทซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่อุปทาน บริษัทดูแลค่าตอบแทนและสวัสดิการของพนักงานให้อยู่ในระดับดี โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 บริษัทคงอัตราการจ้างงานเดิมและไม่มีนโยบายลดเงินเดือน อีกทั้งนโยบายการบริหารค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาและค่าทำงานในวันหยุดที่เป็นไปตามกฎหมายมิได้ใช้เกณฑ์การแบ่งแยกตามเพศในการกำหนดค่าจ้างลูกจ้างชายและหญิง
สำหรับการดูแลคนพิการนั้น แม้ว่าจำนวนพนักงานของบริษัทจะไม่เกิน 100 คน ตามเงื่อนไขการจ้างผู้พิการอัตรา 100 : 1 คน ตามพ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 แต่บริษัทได้ใช้บริการจากผู้ให้บริการบน Facebook ชื่อ “ช่างภาพ เนมโฟโต้” ซึ่งเป็นผู้พิการประเภท 2: หูหนวก ในการถ่ายภาพกิจกรรมภายในบริษัท ถ่ายวิดีโอและตกแต่งภาพของบริษัทนับแต่ปี 2560 เป็นต้นมา
ผมเชื่อว่าเราจะสามารถก้าวผ่านปีนี้ซึ่งนับเป็นปีที่เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจทั่วโลกไปได้ด้วยการร่วมมือร่วมใจ ความมุ่งมั่นและความเป็นมืออาชีพของผู้บริหารและพนักงาน สุดท้ายนี้ผมในนามของคณะกรรมการบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) ขอขอบคุณพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายที่ให้ความเชื่อถือและให้การสนับสนุนด้วยดีเสมอมาและขอให้ท่านผู้ถือหุ้นมั่นใจได้ว่าเราจะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่และดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักกำกับกิจการที่ดีเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของบริษัทและเพื่อผลตอบแทนที่ยั่งยืนของผู้ถือหุ้นทุกท่านตลอดไป
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ
ประธานกรรมการ
“คณะกรรมการบริษัทเห็นชอบแผนงานด้านความยั่งยืนองค์กรปี 2565-2566 เพื่อให้สอดคล้องกับหลักปฏิบัติตาม CG Code และตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ในฐานะผู้นำ (governing body) ในการสร้างคุณค่าให้แก่กิจการอย่างยั่งยืนทั้ง 3 มิติ และจักได้ทบทวนการนำหลัก CG Code มาปรับใช้ตามระดับที่เหมาะสมกับธุรกิจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง”